เมื่อลูกจ้างทำผิด ใครว่ากฎหมายคุ้มครองแค่ลูกจ้างเสมอไป? ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการกระทำของลูกจ้าง ไม่ว่าจะเป็นการละเมิด ขัดคำสั่ง หรือกระทำผิดกฎหมาย นายจ้างมีสิทธิเรียกร้องและดำเนินการตามกฎหมายได้ถึง 3 ทาง ทั้งทางแพ่ง อาญา และทางวินัย แต่ละแนวทางมีหลักเกณฑ์ วิธีการ และข้อควรระวังที่นายจ้างควรรู้ เพื่อดำเนินการได้อย่างถูกต้องและไม่เสี่ยงโดนฟ้องกลับ
อ่านสรุปชัด ๆ ในคอนเทนต์นี้ ก่อนที่เรื่องเล็กจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ในองค์กร
3 ความรับผิดของลูกจ้าง
เมื่อเกิดความเสียหายจากการกระทำของลูกจ้าง นายจ้างมีสิทธิเรียกร้อง 3 ด้าน ได้แก่
(1) ความรับผิดทางแพ่ง
(2) ความรับผิดทางอาญา
(3) ความรับผิดทางวินัย
อาจเลือกใช้สิทธิทางใดทางหนึ่งหรือทั้ง 3 ทาง ขึ้นอยู่กับระดับความผิดและความเห็นสมควรของนายจ้าง
ความรับผิดทางแพ่ง
กรณีความผิด : ลูกจ้างทำผิดสัญญาจ้างหรือกระทำละเมิด ทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย เช่น พนักงานคลังสินค้าเบียดบังเอาทรัพย์สินไปขาย
มาตรการลงโทษ : นายจ้างสามารถฟ้องร้องต่อศาลแรงงาน เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ย รวมถึงเรียกคืนทรัพย์สินหรือเรียกค่าทดแทนเป็นมูลค่าแทนทรัพย์สินนั้น
ความรับผิดทางอาญา
กรณีความผิด : กระทำความผิดตามกฎหมายอาญา เช่น ยักยอกทรัพย์ ฉ้อโกง ทำให้เสียทรัพย์
มาตรการลงโทษ : แจ้งความดำเนินคดีอาญาต่อพนักงานสอบสวนภายใน 3 เดือน นับแต่รู้เรื่องและรู้ตัวผู้กระทำผิด มิฉะนั้น คดีจะขาดอายุความ
ความรับผิดทางวินัย
กรณีความผิด : ฝ่าฝืนระเบียบ ข้อบังคับ หรือคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายของนายจ้าง
มาตรการลงโทษ :
• ตักเตือนด้วยวาจา ตักเตือนเป็นหนังสือ
• ตัดค่าจ้าง
• พักงานโดยไม่จ่ายค่าจ้าง
• เลิกจ้าง
อ่านบทความนี้เพิ่มเติมในวารสาร HR Society ฉบับมิถุนายน 2568
อ่านบทความอื่นๆ
ลูกจ้างต้องรู้ สิทธิประโยชน์และค่าชดเชย ที่ควรได้รับเมื่อถูกเลิกจ้าง
ลูกจ้างหมิ่นประมาทนายจ้างแบบไหน เข้าข่ายมีความผิดทางกฎหมาย
ทิศทางตลาด และการสร้างแรงงานสัมพันธ์ นายจ้าง-ลูกจ้าง ในองค์กร