เล่นโซเชียลไม่ได้แปลว่าเล่นได้ทุกอย่าง เพราะยุคนี้แค่โพสต์ แชร์ คอมเมนต์ หรือส่งต่อข้อความผิดที่ อาจต้องขึ้นศาลไม่รู้ตัว มาดู 5 ข้อควรระวัง การใช้โซเชียลไม่ให้ผิดกฎหมาย ตั้งแต่พิมพ์ด่าคนอื่น ยันแอบเซฟรูปคนอื่นมาใช้ ล้วนมีโทษจริงจังกว่าที่คิด ใครใช้โซเชียลทุกวัน ต้องอ่านก่อนโพสต์
5 ข้อควรระวัง การใช้โซเชียลไม่ให้ผิดกฎหมาย
1. สร้างเรื่องใส่ร้าย โพสต์ข้อความลงสื่อโซเชียล ทำให้คนอื่นเสียหาย อับอายขายหน้า
1) โพสต์ข้อความเท็จว่าผู้อื่นลักทรัพย์ เป็นชู้ หรือมีพฤติกรรมผิดกฎหมาย แม้ไม่ระบุชื่อโดยตรง หากมีพยานหลักฐานที่โยงถึงบุคคลนั้นได้ ก็เข้าข่ายกระทำผิดอาญา มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
2) หากโพสต์ข้อความเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นข้อมูลเท็จที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่น อาจมีความผิด “นำเข้าและเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ” มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
3) หากข้อความในโพสต์ทำให้คนอื่น ถูกเลิกจ้างงาน สูญเสียโอกาสทางสังคม หรือชีวิตส่วนตัวพังทลาย ผู้เสียหายสามารถฟ้องเรียก ค่าเสียหายทางแพ่ง ต้องชดใช้ค่าเสียหายตามมูลค่าที่เกิดขึ้นจริง หรือศาลพิจารณาตามสมควร
โทษขึ้นอยู่กับเจตนาของผู้กระทำ เนื้อหาของข้อความ และความเสียหายที่เกิดขึ้นกับผู้เสียหาย
* ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328
* พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (1)
2. ส่งอีเมลลูกโซ่ หรืออีเมลโฆษณาขายของ (spam mail) ไปยังผู้รับที่ไม่ได้ยินยอม สร้างความรำคาญ
1) ส่งอีเมลโดยปกปิดหรือปลอมแปลงแหล่งที่มา ไม่มีช่องทางให้ “ยกเลิกการรับ” หรือส่งอีเมลโฆษณาที่ทำให้ระบบของผู้รับช้าลง หรือถูกรบกวนอย่างต่อเนื่อง มีโทษปรับไม่เกิน 100,000 บาท
2) ส่งอีเมลโฆษณานั้นอ้างอิงข้อมูลส่วนบุคคลของผู้รับ เช่น อีเมล ที่อยู่ เบอร์โทร โดยที่ไม่ได้รับความยินยอมอย่างชัดเจนจากเจ้าของข้อมูล มีโทษจำคุกสูงสุดถึง 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
3) หากผู้ส่งใช้ข้อมูลส่วนบุคคล เช่น อีเมลของผู้รับ เพื่อการโฆษณา/การตลาด และไม่มีการขออนุญาตจากเจ้าของข้อมูล มีโทษจำคุกสูงสุดถึง 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 1,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
โทษขึ้นอยู่กับเจตนาของผู้ส่ง โดยเฉพาะเจตนาเชิงพาณิชย์หรือรบกวนสิทธิส่วนบุคคล
* พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 11
* พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (PDPA) มาตรา 27, 32, 72, 83
3. แอบ Save ข้อมูลคนอื่นแล้วนำไปใช้เพื่อประโยชน์ของตัวเอง
1) ข้อมูลที่เป็นผลงานลิขสิทธิ์ เช่น บทความ เพลง หรือซอฟต์แวร์ การนำไปใช้เพื่อหากำไรหรือแม้แต่การใช้ส่วนตัว โดยไม่ได้รับอนุญาต ถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ มีโทษปรับสูงสุดถึง 200,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 4 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ
2) ถ้าข้อมูลนั้นถือเป็นทรัพย์สินทางปัญญาที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ การแอบ Save ข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต อาจเข้าข่ายความผิดฐานลักทรัพย์ มีโทษจำคุกสูงสุดถึง 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
3) นำข้อมูลที่ขโมยไปใช้เพื่อหลอกลวงผู้อื่นให้เสียหาย เช่น นำข้อมูลส่วนตัวไปเปิดบัญชีธนาคารปลอม หรือใช้ข้อมูลทางการเงินเพื่อฉ้อโกง เป็นความผิดฐานฉ้อโกง มีโทษจำคุกสูงสุดถึง 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
อาจเข้าข่ายความผิดหลายข้อหา ขึ้นอยู่กับประเภทของข้อมูลที่ถูกขโมย และวิธีการนำข้อมูลไปใช้
* ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334, 341
* พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
4. Upload “รูปลามกอนาจาร” ไม่ว่าจะรูปตัวเองหรือรูปคนอื่น
1) โพสต์รูปหรือคลิปวิดีโอโป๊เปลือย แม้จะเคยเป็นคนรักหรือแฟน ลงสื่อโซเชียล ถือว่าเข้าข่ายนำเข้าข้อมูลลามกสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และอาจผิดหมิ่นประมาทฯ มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
2) โพสต์สื่อลามกอนาจาร แม้จะเป็นรูปของตนเอง หากเผยแพร่ต่อสาธารณะ ก็ถือว่าเข้าข่ายอนาจาร มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
3) หากโพสต์รูปลามกอนาจารเกี่ยวข้องกับเด็ก เช่น เป็นภาพลามกอนาจารของเด็ก หรือเด็กเป็นผู้กระทำในภาพ เน้นความผิดเกี่ยวกับสื่อลามกอนาจารเด็กโดยเฉพาะ มีโทษอาญาหนักมาก ขึ้นอยู่กับความร้ายแรงของการกระทำ
เผยแพร่ภาพของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต อาจเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลด้วย
* พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (4)
* ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328, 287/1, 287/2
* พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546
5. ปล่อยข่าวทำให้บ้านเมืองเกิดความชุลมุนวุ่นวาย
1) ปล่อยข่าวโดยมีเจตนาที่จะยุยงให้ประชาชนลุกฮือต่อต้านรัฐบาล หรือกระทำการใดๆ ที่ก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยร้ายแรงในบ้านเมือง มีโทษจำคุกสูงสุดถึง 7 ปี
2) ปล่อยข่าวที่เป็นเท็จ และทำให้ผู้อื่นเสียชื่อเสียงหรือทำให้เกิดความเสียหายต่อบ้านเมืองอาจเข้าข่ายความผิดฐานหมิ่นประมาท มีโทษปรับสูงสุดถึง 200,000 บาท
3) ปล่อยข่าวสารเท็จผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เช่น อินเทอร์เน็ต โซเชียลมีเดีย อาจเข้าข่ายความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มีโทษจำคุกสูงสุด 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
อาจเข้าข่ายความผิดหลายข้อหา ขึ้นอยู่กับเจตนาและวิธีการปล่อยข่าว
* ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116, 326
* พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550
ปรึกษาและดูรายละเอียด บริการด้านกฎหมาย คลิกที่นี่
อ่านบทความอื่นๆ
เป็นนายหน้าขายของออนไลน์ (Affiliate Marketing) ยื่นภาษีอย่างไรให้ถูกต้อง
กฎหมายแก้ไขใหม่ บังคับใช้แล้ว การใช้ข้อความในการโฆษณา ที่ผู้ประกอบการควรระวัง
โซเชียลมีเดียใช้ในเวลาทำงานเลิกจ้างได้

















