ธุรกรรมเงินกู้ยืมกรรมการคือหนึ่งในรายการที่ถูกสรรพากรจับตาเป็นพิเศษ เพราะหากดำเนินการไม่โปร่งใสหรือไม่มีหลักฐานชัดเจน อาจถูกตีความเป็นประโยชน์ส่วนตัว ทำให้ทั้งบริษัทและกรรมการต้องรับภาระภาษีเพิ่มขึ้น พร้อมความเสี่ยงตรวจสอบย้อนหลัง
เงินปันผลอำพราง
บริษัทให้กรรมการกู้ยืมเงินโดยไม่คิดดอกเบี้ย หรือคิดต่ำกว่าอัตราตลาดอย่างเห็นได้ชัด
สรรพากรตีความ : ประโยชน์ที่กรรมการได้รับ คือ “เงินปันผลอำพราง” หรือ “เงินได้อื่น”
ผลกระทบ : กรรมการถูกประเมินให้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเพิ่มขึ้น
บริษัทขาดรายได้ดอกเบี้ย
บริษัทให้กู้ยืมเงินโดยไม่คิดดอกเบี้ยหรือคิดดอกเบี้ยในอัตราต่ำ
สรรพากรตีความ : มองว่าบริษัทมี “รายได้ที่พึงได้” แต่ไม่ได้บันทึก
ผลกระทบ : บริษัทถูกประเมินภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มขึ้น
ตัดหนี้สูญทางภาษีไม่ได้
บริษัทให้กรรมการกู้ยืมเงิน และกรรมการไม่สามารถชำระคืนได้
สรรพากรตีความ : มองว่าไม่ใช่หนี้จากการดำเนินธุรกิจตามปกติ
ผลกระทบ : บริษัทไม่สามารถนำมาตัดเป็นค่าใช้จ่าย “หนี้สูญ” ในการคำนวณกำไรสุทธิ
ถูกตรวจสอบย้อนหลัง
บริษัทขาดสัญญาเงินกู้ที่ชัดเจน หรือไม่มีบันทึกการรับ–จ่ายและการชำระคืนอย่างเป็นระบบ
สรรพากรตีความ : อาจเห็นว่าไม่ใช่การกู้ยืมเงินจริง แต่เป็นเงินที่กรรมการนำไปใช้ส่วนตัว
ผลกระทบ : หากยอดเงินกู้ยืมจำนวนมาก อาจทำให้ถูกตรวจสอบย้อนหลังจากสรรพากรได้
แนวทางป้องกัน
การทำธุรกรรมเงินกู้ยืมกับกรรมการสามารถทำได้ หากดำเนินการด้วยความโปร่งใสและรัดกุม โดยเฉพาะกรณีที่บริษัทให้กรรมการกู้ยืมเงิน ควรกำหนดให้มี
• สัญญาเงินกู้ที่ชัดเจน
• การบันทึกบัญชีที่ถูกต้อง
• การปฏิบัติตามกฎหมายภาษี
• วัตถุประสงค์ที่ชัดเจนในเชิงธุรกิจ
อ่านเพิ่มเติมใน CPD&Account ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2568
พร้อมบทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ โดยนักเขียนมากประสบการณ์
อ่านบทความอื่นๆ
กรรมการจ่ายแทนบริษัทเบิกอย่างไรให้ถูกต้อง
ปัญหาลูกหนี้กรรมการจุดอ่อนในงบการเงิน
ประเด็นภาษี VS กรณีบริษัทกู้ยืมเงิน กรรมการ ผู้ถือหุ้น


















