การยื่นแบบ ภ.ง.ด. 51 เป็นหน้าที่สำคัญของนิติบุคคลทุกแห่ง แต่การประมาณการกำไรสุทธิไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด การประเมินที่คลาดเคลื่อนเพียงเล็กน้อยอาจส่งผลให้ต้องเสียภาษีเพิ่ม หรือร้ายแรงกว่านั้นคือต้องจ่ายค่าปรับและเงินเพิ่ม บทความนี้จะสรุป 5 ข้อควรระวัง ที่ผู้ประกอบการและนักบัญชีไม่ควรมองข้าม ตั้งแต่การใช้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง การละเลยต้นทุนแฝง ไปจนถึงการประเมินรายได้เกินจริง และการไม่เผื่อความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เพื่อให้คุณสามารถประมาณการกำไรได้อย่างแม่นยำ และช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างมั่นคงและถูกกฎหมาย
การประมาณการกำไรสุทธิ คือ ?
การประมาณการกำไรสุทธิ คือ การคาดการณ์ หรือ ประเมินผลกำไร ที่คาดว่าจะเหลือสุทธิหลังจากหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดออกจากรายได้ทั้งหมด ของกิจการในช่วงเวลาหนึ่ง (เช่น ไตรมาส หรือ ปีบัญชี)
โดยกำไรสุทธินี้รวมถึงการหักภาษีเงินได้นิติบุคคลแล้ว
ใครบ้าง ต้องยื่น ภ.ง.ด. 51
กลุ่มของนิติบุคคลที่ต้องยื่นแบบ ภ.ง.ด 51 มีดังนี้
1. บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย เช่น ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด บริษัทมหาชนจำกัด เป็นต้น
2. นิติบุคคลต่างประเทศที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทย
3. กิจการร่วมค้า เนื่องจากกิจการร่วมค้าถือเป็น บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ตามมาตรา 39 แห่งประมวลรัษฎากร
กรณีที่เป็นมูลนิธิหรือสมาคม ไม่ต้องยื่นแบบแสดงรายการ ภ.ง.ด. 51 เนื่องจากมูลนิธิหรือสมาคมเสียภาษีจากยอดรายรับ จึงไม่ต้องประมาณการกำไรหรือขาดทุนสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้
5 ข้อควรระวัง มีอะไรบ้าง ?
ในการประมาณการกำไรสุทธิ มีข้อควรระวังหลายประการที่อาจทำให้ผลการประมาณการคลาดเคลื่อนหรือไม่สะท้อนความเป็นจริงได้อย่างถูกต้อง โดย 5 ข้อควรระวังหลัก ๆ ได้แก่
1. ข้อมูลไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วน
2. มองข้ามต้นทุนแฝงหรือค่าใช้จ่ายผันผวน
3. ประเมินรายได้เกินจริง
4. ละเลยภาษีและค่าธรรมเนียมต่าง ๆ
5. ไม่เผื่อความเสี่ยงหรือความไม่แน่นอน
โทษ เมื่อไม่ยื่น หรือ ยื่นผิด ?
กรณีไม่ยื่น ภ.ง.ด. 51
• ปรับไม่เกิน 2,000 บาท + เงินเพิ่ม 1.5% ต่อเดือน ของภาษีที่ค้าง
กรณีประเมินต่ำไป เกิน 25%
• ต้องเสียภาษีเพิ่ม 20% ของส่วนที่ต่ำเกินไป
อ่านบทความอื่นๆ
ค่าปรับ – เงินเพิ่ม กรณี ยื่น ภ.ง.ด. 51 ล่าช้า – ไม่ถูกต้อง
นิติบุคคลเตรียมยื่นภาษีครึ่งปี ภ.ง.ด. 51
5 เรื่องต้องรู้ก่อนยื่น ภ.ง.ด. 51