วัยทำงานที่มีทั้ง Baby Boomer จนถึง Gen Z ทำงานร่วมกัน ความเข้าใจผิดเพราะช่องว่างการสื่อสาร อาจเป็นจุดอ่อนที่ทำให้องค์กรสะดุดแบบไม่รู้ตัว การประชุมที่ไม่มีใครกล้าพูด ข้อความที่ส่งไปแต่ไม่มีใครอ่าน ฟีดแบ็กที่ไม่มีใครกล้าบอก ถึงเวลาอัปเกรดการสื่อสารให้เข้าใจง่าย เข้าถึงใจทุกเจเนอเรชัน บทความนี้รวม 5 แนวทางที่จะช่วยลดช่องว่าง สร้างทีมที่พูดกันรู้เรื่อง และทำงานร่วมกันได้อย่างไหลลื่น
5 แนวทางสื่อสาร
1. เปิดใจรับเทคโนโลยี
โลกการทำงานเปลี่ยนไปมาก การสื่อสารแบบเดิมๆ อย่างการส่งจดหมายเวียน การประชุมกลุ่ม อาจไม่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่อีกต่อไป ผู้นำองค์กรควรจะเปิดใจเรียนรู้เทคโนโลยี และใช้ช่องทางการสื่อสารดิจิทัลที่คนรุ่นใหม่คุ้นเคย จะช่วยให้เข้าใจมุมมองและแนวทางการทำงานของพวกเขาได้ดีขึ้น
2. วัฒนธรรมสื่อสารแบบเปิด
การเปิดโอกาสให้พนักงานแลกเปลี่ยนความคิดเห็น หรือสอบถามผู้บริหารได้โดยตรง จะช่วยสร้างความไว้ใจในองค์กร การประชุมแบบไม่เป็นทางการ (Retreat) หรือ Team Building จะกระตุ้นให้เกิดการสื่อสาร 2 ทาง ส่งเสริมวัฒนธรรมที่เปิดกว้าง ทำให้พนักงานรู้สึกปลอดภัย กล้าแสดงความคิดเห็นมากขึ้น
3. ปรับการสื่อสารให้เข้าถึงง่าย
ผู้บริหารควรจะปรับบทบาทจาก “ผู้ออกคำสั่ง” เป็น “ผู้นำทาง” โดยการใช้ภาษาที่กระชับ เข้าใจง่าย เลี่ยงคำศัพท์ทางการ สร้างสมดุลระหว่างช่องทางดิจิทัลกับการสื่อสารแบบ Face-to-Face จะช่วยให้เข้าถึงพนักงานได้หลากหลายวัยยิ่งขึ้น
4. ให้คำติชมสม่ำเสมอ
พนักงานกลุ่ม Millennials ตอนปลาย และ Early Gen Z ให้ความสำคัญกับการได้รับคำตอบอย่างรวดเร็ว และได้รับการยอมรับในคุณค่าของผลงาน การให้คำแนะนำหรือคำชื่นชมแบบ Real-Time Feedback จะช่วยเพิ่มแรงจูงใจและสร้างความมุ่งมั่นในการทำงานให้พวกเขาได้
5. ทักษะการฟังอย่างตั้งใจ
ผู้บริหารควรมีทักษะการฟังอย่างตั้งใจ (Active Listening) จะเข้าใจมุมมอง ความต้องการ และความกังวลของพนักงานได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น “วัฒนธรรมการฟังที่ดี” ช่วยให้พนักงานรู้สึกว่าความคิดเห็นของตนมีคุณค่า ส่งผลให้พนักงานรู้สึกได้รับการยอมรับ และทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
อ่านเพิ่มเติมใน HR Society Magazine ฉบับพฤษภาคม 2568
อ่านบทความอื่นๆ
Onboarding Program กลไกดูแลพนักงานใหม่
เทคนิคการ Feedback ให้ได้ผลงานตามเป้า
กฎหมายควรรู้ ต่อสัญญาลูกจ้างเกษียณ